Favourite Skincare & Make up of The Year 2018

By Bro Sis ติดรีวิว - ธันวาคม 28, 2561

Favourite Skincare & Make up of The Year 2018

ปีนี้เป็นปีที่บูมได้ลองสกินแคร์ใหม่ๆ เยอะมาก ซึ่งก็แน่นอนแหละว่าในแต่ละครั้งที่เราทดลองอะไรใหม่ๆ ก็มีทั้งที่รอดและร่วง ทำให้แนวคิดในการเลือกใช้ Skincare ของบูมชัดเจนมากขึ้น ไม่ได้มองที่ความแฟนซี หรือ ลูกเล่นต่างๆ แต่เน้นในเรื่องส่วนผสมที่เบสิค ผลลัพธ์ที่คาดหวังและเชื่อถือได้มากขึ้น ทำให้การดูแลผิวหลักๆ ของบูมมี Step ที่ไม่ซ้ำซ้อน และเลือกใช้ให้เหมาะกับปัญหาผิวช่วงนั้นๆ 

บูมเลยรวบรวมเอาไอเท็มทั้งหมดที่บูมชื่นชอบ มาจัดเป็นหมวดหมู่ให้เพื่อนๆ ได้รับชม เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจ (และเสียเงินง่ายขึ้นนั้นเองจ้า) ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลยครับ...

Makeup Remover


  • DE LATEX : เป็น Make up Remover ในรูปแบบเจลแบรนด์เดียวที่ได้ลองใช้ในปีนี้ แล้วหลงรักนางมากๆ ทำให้การทำความสะอาดคราบเมคอัพและกันแดดง่ายขึ้นเยอะ แค่บีบ - นวด - ล้าง จบ! ใครที่ Skincare/Makeup แบบ non-waterproof สามารถใช้ตัวนี้ตัวเดียวอยู่เลยครับ
  • MAYBELLINE : ทำความสะอาดคราบเมคอัพแบบ Non-Waterproof ได้ค่อนข้างดี ไม่แสบผิว หรือทำให้ผิวระคายเคือง แม้ในช่วงที่ผิวบูมกำลังแพ้หรือระคายเคืองก็ได้ ที่สำคัญราคาต่อปริมาณถือว่าน่าคบหาดูใจทีเดียวหละครับ
  • NIVEA : สูตรที่บูมใช้คือสูตร "ACNE CARE" ถ้าถามว่ามันช่วยลดสิวจริงมั้ย ตอบเลยว่าไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์ขนาดนั้น แต่ที่เค้าเคลมแบบนี้น่าจะมาจากประสิทธิภาพในการทำความสะอาดคราบเมคอัพ ที่ทำได้น่าพอใจทีเดียว ถึงแม้ในบางครั้งที่ใช้อาจรู้สึกระคายเคืองบ้าง(ช่วงที่ผิวอ่อนแอ ระคายเคืองอยู่) แต่ด้วยราคาที่เหมาะสมทำให้ติด 1 ใน 4 ไปอย่างไม่ยากเย็นนัก
  • Alvera Plus + : Makeup Remover น้องใหม่ ที่ออกตัวแรงในเรื่องการเป็น Dust & Pollution Remover ซึ่งเอาจริงๆ แล้วบูมก็ยังหาข้อสรุปในเรื่องนี้แบบชัดๆ ไม่ได้ แต่ด้วยประสิทธิภาพในการทำความสะอาดที่ดี และอ่อนโยนกับผิวมาก (มากกว่า MAYBELLINE หรือ NIVEA ด้วยซ้ำ) เลยเข้ารอบ 4 คนสุดท้ายอย่างฉิวเฉียดฮะ

Cotton Pad

Silcot Premium กล่องนี้บูมกล้าพูดเลยว่าพรีเมี่ยมสมชื่อ ถึงแม้ราคาจะแอบแรงซักหน่อย แต่สำหรับมนุษย์พันธ์ขนอย่างบูม ที่ใช้สำลีปกติแล้วชอบเป็นขลุย Silcot กล่องนี้ตั้งแต่ใช้มาไม่มีอาการหลุดเป็นขลุยให้เห็นแม้แต่น้อย ที่สำคัญเนื้อสำลียังมีความอ่อนหนุ่มที่กำลังดี ไม่ดูดผลิตภัณฑ์มากจนเกินไป เลยได้ใจบูมไปแบบไม่ยากเย็น


Cleanser

  • Neutrogena Deep Clean Hydrating Bamboo Gel Cleanser : เป็นคลีนเซอร์รูปแบบเจลที่บูมใช้มาไม่รู้กี่หลอดแล้ว ส่วนตัวรู้สึกว่านี่คือ Cleanser ที่ชอบที่สุดของแบรนด์นี้ ทำความสะอาดได้อ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหลังล้าง ราคาดีงาม ถ้าปรับเรื่องส่วนผสมของน้ำหอมออกบูมว่านี่คือ The Best ที่ควรต้องลองเลยหละฮะ
  • CeRaVe Foaming Cleanser : คลีนเซอร์ตัวนี้เพิ่งเข้ามาบ้านเราได้ไม่ถึงปี แต่บูมรู้สึกเลยว่าเป็น 1 ในคลีนเซอร์สำหรับมนุษย์ผิวผสม - มัน ที่ดีที่สุดตัวนึง ทำความสะอาดได้ดี ไม่ทิ้งฟิลลิ่งลื่นๆ ไว้บนผิว ก่อฟองได้เล็กน้อย เป็นขวดปั๊ม ไม่มีน้ำหอม ส่วนผสมดีงาม ขวดใหญ่มากในราคาหลักร้อย(มีใครให้มากกว่านี้อีกไหม ?)
  • HADA LABO Mild & Sensitive Face Wash : ตัวนี้คือคลีนเซอร์ตัวโปรดที่บูมชอบสุดของแบรนด์เค้า ถึงแม้เนื้อจะออกครีมมี่นิดๆ แต่พอผสมน้ำ ถูวนบนฝามือก็กลายเป็นฟองนุ่มๆ ในปริมาณที่กำลังดี ล้างแล้วผิวไม่รู้สึกแห้งตึง ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม ราคาร้อยนิดๆ ใครไม่เคยใช้ควรต้องลองฮะ

Exfoliate (AHA & BHA)


  • Pixi Glow Tonic 5% Glycolic Acid : เอเอชเอขวดนี้ได้ใจบูมไปแบบขาดลอยจริงๆ ทั้งในด้านส่วนผสมที่ดี ช่วยลดรอยดำ/แดงจากสิว ช่วยปลอบประโลมผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น เนื้อสัมผัสทำออกมาได้ค่อนข้างดีทีเดียว ซึมลงสู่ผิวได้ไวและไม่ทิ้งความมันไว้บนผิว คาดหวังผลในเรื่องการลดรอยแดงและรอยดำจากสิวได้จริงจ้า
  • Paula's Choice Resist Daily Pore Refining Treatment 2% BHA : BHA สูตรใหม่ล่าสุดของป้าพอลล่าที่นอกจากการอัพเกรดส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยปลอบประโลมผิว ต้านอนุมูลอิสระแล้ว ขนาดและราคาก็ถูกปรับให้แพงขึ้นไปอี๊กกกก แต่ด้วยความดีและยังหาแบรนด์อื่นมาล้มไม่ได้ เลยได้มงไปอย่างสวยๆ ฮะ

Essence / Toner

  • Innisfree Soybean Energy Essence EX : เป็นตัวที่ให้ความชุ่มชื้นได้ดีมาก ที่สำคัญคือ Texture และการเซทตัวของเค้าทำให้เราเลิฟเลยหละ เพราะถึงแม้จะเป็นเนื้อ Liquid แต่ก็ให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนาน ช่วงไหนที่หน้าบูมแห้งลอก บูมจะเทเค้าลงบนแผ่นมาส์กแล้วโปะทิ้งไว้ 15-20 นาที ผิวดีขึ้นทันตาเลยหละครับ
  • BTIOTHERM Life Plankton Clear Essence : สูตรใหม่ไฉไลกว่าเดิมด้วยการปรับเนื้อสัมผัสให้เบาขึ้น เอาใจมนุษย์ผิวผสม บูมถือว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมนะ เพราะแบรนด์ BIOTHERM เป็นหนึ่งในหลายๆ แบรนด์ที่มีการออกสูตรใหม่ หรือปรับสูตรให้ดีขึ้น ตอบโจทย์ปัญหาผิวหลายๆ ประเภท ตัวนี้คาดหวังผลได้ในเรื่องความกระจ่างใส ลดอาการอักเสบของสิวและการระคายเคืองได้เล็กน้อย (ติดแค่เรื่องน้ำหอม แต่ถ้าใช้เรื่อยก็จะชินไปเองขอรับ)

Pre-Serum/Pre-Essence


  • BIOTHERM Skin Oxygen Strengthening Concentrate : ที่จริงแล้วเค้าจัดอยู่ในกลุ่ม Serum แต่ด้วยเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ซึมได้ค่อนข้างไว และความส่วนผสมอย่าง Bifida Ferment Lysate ที่มีใน Pre-Serum อย่าง Lancome Genifigue ที่ทางผู้ผลิตเคลมด์ว่าช่วยซ่อมแซม DNA ของผิวได้ บูมเลยขอหยิบมาอยู่ในกลุ่มนี้ ซึ่งจากที่ทดลองใช้ ผลลัพธ์ที่รู้สึกได้อย่างนึงเลยคือผิวดูใสขึ้น แข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ในระวังใช้บูมแอบสังเกตุว่าเมื่อทาลงบนผิว ผิวจะเย็นขึ้นเล็กน้อยด้วยหละครับ
  • OLAY MIRACLE BOOST YOUTH ESSENCE : เป็นเอสเซ็นต์ที่เน้นช่วยให้ผลิตภัณฑ์ที่ทาลงไปต่อจากนี้ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น ซึ่งจากที่ทดลองใช้ เค้าก็ทำหน้าที่นี้ได้ดีอย่างไม่มีข้อกังขา แต่ก็ยังแอบคาดหวังเล็กๆ ว่าจะมีการเพิ่มสาร Active Ingredients ใหม่ๆ เข้ามาบ้าง...
  • VICHY 89 : ตัวนี้เป็นเซรั่มที่ตอนเค้าออกบูมไม่ได้รู้สึกว้าวอะไร แต่ทนกระแสไม่ไหว(เหมือนคุณๆ นั่นแหละ) เลยไปตำมา สุดท้ายเลยถึงบางอ้อว่าทำไมรีวิวดีทั่วบ้านทั่วเมือง บูมได้เค้ามาได้ช่วงที่ผิวกำลังแห้ง และระคายเคืองจากการทำเลเซอร์กำจัดจน แต่พอทา VICHY 89 ต่อเนื่องประมาณ 10 วันผิวกลับมาแข็งแรงจนเกือบเป็นปกติ ซึ่งถ้าเทียบกับตอนที่ไม่ได้ใช้ต้องใช้เวลา Healing 2-3 Week เลยทีเดียวฮะ
  • Sulwhasoo First Care Activating Serum EX : Pre-Serum ตัวดังของแบรนด์ที่เน้นส่วนผสมจากสมุนไพรที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ช่วยปลอบประโลมผิว ทำให้ผิวแข็งแรง แต่ที่บูมทดลองใช้ตัวกลับรู้สึกว่าเมื่อไหร่ที่ใช้ต่อเนื่องผิวจะดูอมชมพูนิดๆ ไม่ได้ขาวเป็นกระดาษ A4 ซึ่งส่วนตัวแล้วเราชอบผิวตัวเองแบบนี้มากเลยหละ

Serum


  • Celluar Skin RX C+ Firmimg Serum : ด้วยการใช้วิตามินซีในรูปแบบ L-Ascorbic Acid เข้มข้นถึง 12% คาดหวังผลในเรื่องการเป็น Whitening, Anti-Aging และ Antioxidant ได้จริง จะติดก็ตรงที่หาซื้อค่อนข้างยาก และเนื้อสัมผัสมีความเป็น Oil Base อยู่หน่อยๆ ทำให้คนที่ผิวผสม-มัน อาจจะมีโอกาสอุดตันได้หากไม่ทำความสะอาดผิวให้ดี หรือใช้ในปริมาณที่มากเกินไป
  • The Ordinary Buffet : ใครที่กำลังมองหาเซรั่มที่มีส่วนผสมของ Peptide ขวดนี่ต้องไม่พลาดจริงๆ ครับ เพราะเจ้า The Ordinary Buffet ขวดนี้ใส่สารพัด Peptide แบบอัดแน่นในราคาหลักร้อย ซึ่งคาดหวังผลในเรื่องเพิ่มความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้นบนผิวได้อย่างไม่ต้องสงสัย
  • Estee Lauder Advance Night Repair : คงไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาวสำคัญเซรั่มที่เป็นตำนานขวดนี้ นอกจากจะซ่อมแซม DNA ของผิวได้แล้ว ยังทำให้ผิวดูกระชับขึ้นอีกด้วย (แต่ไม่ได้ทำให้ริ้วรอยหายไปนะอย่าเข้าใจผิดนะขอรับ)

Moisturizer

  • CeRaVe PM Facial Moisturizing : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์เบสิคที่บูมมักจะแนะนำให้หลายๆ คนลอง ด้วยส่วนผสมหลักที่เป็น Niacinamide และ Ceramide ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น แข็งแรง ลดการระคายเคืองได้ดีทีเดียวฮะ แถมเนื้อสัมผัสยังเบาและซึมซาบสุ่มผิวได้ค่อนข้างไว ไม่ทิ้งความมันไว้บนผิวอีกด้วยครับ
  • BIODERMA Sebium Pore Refiner : มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ทำออกมาเพื่อมนุษย์ผิวผสม - มันอย่างแท้ทรู ด้วยการเซทตัวแบบซอฟแมท ให้ผิวมันลดลงทันทีที่ทา และไม่ทำให้ผิวแห้งตึง แต่ต้องบอกก่อนว่าเค้าไม่ได้คุมความมันได้ตลอดทั้งวันนะครับ เต็มที่ก็ราวๆ 3-4 ชม. แต่ก็ถือว่าทำได้ดีแล้วหละครับ
  • BIOTHERM Life Plankton Sensitive Emulsion : เอาใจมนุษย์ผิวแห้งที่ต้องการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ตัวเดียวแล้วจบ ด้วยเนื้อสัมผัสที่ทำออกมาได้กำลังดี ทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น แถมยังมีส่วนผสมจาก Niacinamide และ Life Plankton ที่ช่วยลดการระคายเคืองบนผิวได้ค่อนข้างดีเลยหละครับ

Sunscreen


  • Fundamental Aqualight Sun Screen SPF50+ PA++++(Tinted.02) : กันแดดแบรนด์คนไทย ที่เบรนด์เนื้อกันแดดกับ Pigment ได้ค่อนข้างดี กันแดดได้โอเค เหมาะกับการใช้ระหว่างวันที่ไม่ต้องออกแดดมากนัก หลังทาแล้วพวกรอยแดงจางๆ ดูเบลอไปได้เยอะเลย แต่ใครคาดหวังจะเอาไปปิดแพนด้า บอกเลยว่าเค้าทำไม่ได้นะจ๊ะ อ๋อ...แล้วก็ใครที่เป็นมนุษย์ผิวผสม-มัน บูมแนะนำให้เซทด้วยแป้งฝุ่นอีกชั้นนะ ไม่งั้นไหลแน่นวลจ้า
  • La Roche Posay Anthelios XL Anti-Shine : วันไหนที่ต้องเจอแดดจัดๆ เป็นเวลานานกันแดดหลอดนี้ไม่ทำให้บูมผิวหวังเลยหละ กันแดดได้ดีมาก เคลือบผิวได้ค่อนข้างดี ไม่ทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน แต่ข้อสังเกตุอย่างนึงคือเป็นคราบค่อนข้างง่าย ถ้าใครที่ผิวผสม-มันแนะนำให้เซทแป้งฝุ่นอีกชั้น ไม่งั้นเอาไม่อยู่นะครับ

Make Up

  • THREE ULTIMATE DIAPHANOUS LOOSE POWDER (TRANSLUCENT 02) : เป็นแป้งฝุ่นที่เบามาก ให้ลุคที่ดูซอฟแมท ยังดูเป็นผิวอยู่ คุมมันได้ปานกลาง ไม่ทำให้หน้าหมองระหว่างมัน และไม่ทำให้เมคอัพตัวอื่นดรอป เป็นแป้งฝุ่นอีกแบรนด์ที่บูมว่าผู้ชายใช้ได้ ไม่ทำให้หน้าลอย ไม่เทาหลีแน่ๆ ฮะ
  • LANEIGE Layering Cover Cushion No.23 : BB Cushion ตัวล่าสุดของแบรนด์ลาเนจที่ได้ใจบูมไปเต็มๆ เพราะซื้อ 1 ได้ถึง 2 คือเค้าจะมีด้านที่เป็น BB และ Concealer ซึ่งต้องบอกก่อนว่าด้านที่เป็น Concealer นั้นบูมไม่ได้ปลื้มเท่าได้ แต่ด้านที่เป็น BB นี่แหละคือดีงาม เซทตัวได้ค่อนข้างดี ไม่แมทและไม่โกลว์จนเกินไป ที่สำคัญคือไม่ได้ดูหนาหรือหนัก ยังคงความเป็นผิวอยู่

เป็นยังไงบ้างครับกับ Favourite of The Year ของปี 2018 หวังว่าจะเป็นไอเดียในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของเพื่อนๆ นะครับ อ๋อ...ย้ำอีกครั้งว่า "บูมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ และไม่ได้มีความรู้เฉพาะทางด้านนี้ แค่ชื่นชอบและเป็นหนึ่งในคนที่ทดลองใช้และนำมาแชร์ให้ฟังเท่านั้น"

สุดท้ายนี้บูมอยากขอบคุณเพื่อนๆ ที่ติดตามบูมทั้งใน Blog, Fanpage, Youtube, Instagram และ Facebook ที่คอยเข้ามาพูดคุย ให้กำลังใจ ช่วยกด Like & Share มาตลอด 1 ปี สัญญาว่าจะหาอะไรใหม่ๆ มารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ชมเรื่อยๆ เพื่อตอบแทนกำลังใจที่เพื่อนๆ มีให้ ขอบคุณจากใจครับ.....💖

  • Share:

You Might Also Like

0 ความคิดเห็น