วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2562

Ella Scar Cream เรื่องแผลเป็น เรื่องเล็ก!

Ella Scar Cream เรื่องแผลเป็น เรื่องเล็ก!

Ella Scar Cream
หลายครั้งเราก็มักจะได้แผลเป็นมาโดยไม่รู้ตัว ถ้าเป็นบริเวณลำตัวก็ยังพอหาเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวมาปกปิดได้บ้าง แต่ถ้าดันได้แผลเป็นบนใบหน้านี่สิ เรื่องใหญ่!! คุยกันยาว ครั้นจะใช้ Concealer ก็เอาไม่อยู่ แต่งหน้ายังไงก็ปกปิดรอยแผลเป็นไว้ไม่มิด

นั่นไง ไม่ทันขาดคำ รอยแผลมันงอกมาจากไหนก็ไม่รู้ อันนี้คือไม่รู้ตัวจริงๆ นะว่าได้มาตอนไหน ฮือออ เศร้า 😭
แต่ในเมื่อได้มันมา(อย่างไม่เต็มใจ)แล้ว ก็มาหาทางจัดการกันดีกว่า วันนี้บูมเลยขอหยิบ Ella Scar Cream ครีมลดรอยแผลเป็นที่มีรางวัลการันตีว่าเป็น "สุดยอดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม หรือ Health, Wellness and Beauty Award (HWB Award) ถึง 5 ปีซ้อน" มารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน อย่ารอช้าไปชมกันเลยครับ

คำเคลมจากแบรนด์


ครีมบำรุงผิวลดรอยแผลเป็นสูตรพิเศษ ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ผสมผสานได้อย่างเหมาะสมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อประสิทธิภาพในการดูแลผิวที่มีปัญหารอยแผลเป็นให้อ่อนนุ่ม และเรียบเนียน

เนื้อสัมผัส / กลิ่น / ค่าpH / ความชุ่มชื้น และความมันบนผิวหลังทาผลิตภัณฑ์

  • เนื้อสัมผัส : เป็นครีมลดรอยแผลเป็นที่ทำเนื้อครีมออกมาได้บางเบา และซึมเข้าสู่ผิวได้ดีมาก ขนาดบูมทาบริเวณ T-Zone ที่มีสภาพผิวค่อนข้างมัน ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็เกลี่ยผลิตภัณฑ์ลงสู่ผิวได้หมด และไม่ทิ้งความมันไว้บนผิว
  • กลิ่น : ถึงแม้จะมีส่วนผสมของน้ำหอม แต่ส่วนตัวกลับชอบกลิ่นหอมอ่อนๆ แบบนี้ เพราะจากที่เคยใช้ครีมลดรอยแผลเป็นมาหลายแบรนด์ ถึงแม้ประสิทธิภาพจะดีขนาดไหน แต่ก็มักจะตกม้าตายเพราะกลิ่นที่ทำดาเมจรุนแรงจนแทบไม่อยากทาอีกเลย ซึ่งตัวนี้ไม่เป็นหละ
  • ค่า pH : จากที่เราทดสอบค่า pH ด้วย Universal Test Paper พบว่าค่า pH เข้าใกล้เลข 3 เลยหละ ซึ่งโดยส่วนตัวเราชอบนะที่ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่มีฤทธิ์เป็นกรด และยังคงค่า pH ให้มีความเป็นกรดอยู่ เพราะมันไม่ลดทอนประสิทธิภาพของสารที่ใส่เข้ามา
  • ความชุ่มชื้น และความมันบนผิวหลังทาผลิตภัณฑ์ :
ข้างที่ไม่ได้ทา : ความชุ่มชื้น  = 13.2 และความมันบนผิว = 19.8
ข้างที่ทา : ความชุ่มชื้น  = 22.2 และความมันบนผิว = 33.3
จากการทดสอบค่าความชุ่มชื้น และความมันบนผิวพบว่า ข้างที่ทา Ella Scar Cream มีความชุ่มชื้น และความมันบนผิวที่สูงกว่าข้างที่ไม่ได้ทา แต่ถึงแม้ผลทดสอบจะเห็นว่าค่าความมันบนผิวเพิ่มขึ้น แต่ส่วนตัวกลับไม่รู้สึกว่าผิวมันขึ้นแต่อย่างใดครับ

ส่วนผสมที่น่าสนใจ

  • Allium Cepa Bulb Extract : สารสกัดจากเอนไซม์รากหัวหอมใหญ่ มีคุณสมบัติในการป้องกันการเกิดแผลเป็นชนิดนูน ช่วยสมานแผล (Wound healing) และลดโอกาสการเกิดแผลเป็น (Excessive Dermal Scarring) โดยยับยั้งการสร้างเนื้อเยื่อที่มากผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดแผลเป็นชนิดนูน (Hypertrophic Scar) และแผลเป็นคีลอยย์ (Keloids)
  • Centella Asiatica Extract : สารสกัดจากใบบัวบก มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type I และ III ลดริ้วรอย ให้ผิวกระชับขึ้น และช่วยลดรอยแผลเป็น หรือรอยดำ-รอยแดง ที่เกิดจากสิวได้ มีประสิทธิภาพในการลดการอักเสบของผิว สามารถลดการเกิดเม็ดสีเมลานินซึ่งทำให้ผิวคล้ำ และลดการอักเสบของผิวที่เกิดจากแสง UV
  • Snail Secretion Filtrate : หรือที่เรารู้จักกันในนาม “เมือกหอยทาก” นั่นเอง จากการศึกษาพบว่าเมือกที่หอยทากผลิตออกมานั้นจะมีปริมาณ Chondroitin Sulfate และ Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารกลุ่ม Mucopolysaccharide หรือ Glycosaminoglycans (GAGs) อยู่ในปริมาณมาก ดังนั้น เมือกหอยทากจะช่วยมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่างดี และงานวิจัยยังพบว่าเมือกหอยทาก มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ และกระตุ้นการเพิ่มของ Fibroblasts (ตัวสร้าง คอลาเจน อีลาสติน และ Extracellular Matrix ) และยังช่วยลดการทำงานของเอนไซม์ MMP-1 และ MMP-2 ที่จะไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน จึงเป็นการป้องกันการเกิดแผลเป็นชนิดหลุม (Hypo Trophic Scar) 
  • Ipomoea Pes-Caprae Extract : สารสกัดจากผักบุ้งทะเล จากการวิจัยพบว่าในส่วนของใบผักบุ้งทะเลจะพบสารซึ่งจะมีฤทธิ์ในการรักษาอาการแพ้จากพิษของแมงกะพรุน ที่ทำให้ผิวหนังเป็นแผลไหม้พอง เป็นผื่นแดง และมีอาการคันได้ นอกจากนี้ยังพบว่าสารสกัดจากผักบุ้งทะเลยังมีฤทธิ์การในการลดอักเสบ โดยออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างโพรสตาแกลนดิน (prostaglandin) ซึ่งร่างกายจะสร้างสารนี้เมื่อเนื้อเยื่อเหล่านั้นเกิดบาดเจ็บหรือติดเชื้อ โดยเซลล์เนื้อเยื่อเหล่านั้นจะสร้างสารโพรสตาแกลนดินตอบสนองต่อการบาดเจ็บ/ติดเชื้อเหล่านั้นที่เรียกว่า “กระบวนการเกิดการอักเสบ” นั่นเอง จึงช่วยลดอาการแพ้ระคายเคือง และลดอาการคันจากการที่แผลเริ่มแห้ง และกำลังตกสะเก็ด

ผลลัพธ์หลังทดลองใช้


จากที่บูมได้ทดลองทา Ella Scar Cream อย่างต่อเนื่องประมาณ 1 สัปดาห์พบว่ารอยแผลเป็นบริเวณจมูก หายสนิท ไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็นแม้แต่น้อย ที่สำคัญคือไม่ทิ้งรอยดำหรือรอยแดงไว้เลย ซึ่งจากที่บูมสังเกตุความไวในการซ่อมแซมตัวเองน่าจะมาจาก 2 ส่วนคือ :
  1. ประสิทธิภาพของเจ้า Ella Scar Cream ที่ช่วยลดรอยแผลได้ค่อนข้างดี
  2. การดูแลตัวเอง เช่น การพักผ่อน การขยันทาครีม เป็นต้น
ทั้ง 2 ปัจจัยล้วนมีผลทำให้แผลหายไวขึ้น ผิวกลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิม และไม่ทิ้งรอยแดง-รอยดำเอาไว้ ซึ่งก็เป็นผลลัพธ์ที่ค่อนข้างน่าพอใจทีเดียวหละครับ แต่แน่นอนว่าหากเพื่อนๆ มีรอยแผลที่บริเวณกว้างกว่านี้ หรือลึกกว่านี้ก็อาจต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมตัวเองที่นานมากกว่าบูมเช่นกันครับ


Ella Scar Cream เหมาะกับใคร



บูมมองว่า Ella Scar Cream เหมาะกับคนที่มีรอยแผลเป็น ซึ่งเป็นแผลที่มีการสมานตัวแล้ว (ไม่ใช่แผลสด) สามารถทาได้กับทุกสภาพผิว โอกาสเกิดการอุดตันค่อนข้างต่ำ คาดหวังผลในเรื่องการลดรอยแดง-รอยดำจากสิวได้ เมื่อทาเป็นประจำอย่างต่อเนื่องและควบคุมปัจจัยการเกิดสิวใหม่ได้ดี

#หมายเหตุ : ผลิตภัณฑ์นี้มีส่วนผสมของน้ำหอม หากท่านใดมีอาการแพ้น้ำหอม หรือผิวระคายเคืองง่าย บูมแนะนำว่าให้ลองทาที่บริเวณท้องแขน เป็นบริเวณเล็กๆ ทิ้งไว้ซัก 1 คืน เพื่อสังเกตุอาการแพ้ก่อนครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น