CURECODE Neuromide Ampoule | เอาใจสายดูแลผิวด้วยแอมพูลสุดต๊าช ที่โดดเด่นเรื่อง microbiome

By Bro Sis ติดรีวิว - พฤศจิกายน 26, 2564


ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมากระแสเรื่อง Microbiome เรียกว่ามาแรงแซงทุกโค้งแบบสุดพลัง เนื่องจากมีการศึกษาค้นคว้าที่ค้นพบว่าจุลินทรีย์ที่ผิวหนังมีความสัมพันธ์โดยตรงกับสุขภาพผิว ทั้งในแง่การสร้างสารต่างๆ บนผิว, ทำให้ผิวหนังตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อม รวมถึงการจดจำเชื้อโรคแปลกปลอมเพื่อการตอบสนองและควบคุมเชื้อโรคที่ผิวหนัง

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีหลากหลายแบรนด์ทำสกินแคร์ที่ส่งเสริมความสมดุลของ Microbiome และการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของจุลินทรีย์บนผิวหนัง เพื่อมอบผิวที่แข็งแรง ดูสุขภาพดีในอุดมคติ ซึ่งบูมเองก็ค่อนข้างสนใจและมีประสบการณ์ตรงกับเรื่องนี้อยู่บ้าง ดังนั้นวันนี้เลยขอหยิบ CURECODE Neuromide Ampoule (30ml./29.50$) แอมพูลที่ต๊าชและเด่นเรื่อง Microbiome มากๆ มาแนะนำให้ชมกันฮะ



ก่อนจะไปพูดถึงส่วนผสมที่เราอินเลิฟแบบสุดๆ เราขอเบรคด้วยเรื่องที่แอบรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกจริตของเราก่อนนั่นคือเรื่อง Packaging (บรรจุภัณฑ์) ด้วยความที่ทางแบรนด์เลือกใช้ขวดแก้วสีชาพร้อมหัวดรอปเปอร์ ซึ่งหลายคนอาจมองว่าก็ปกติและค่อนข้างดีอยู่แล้ว จริงอยู่ว่าในแง่การลดผลกระทบกับสารสกัดด้านในเราว่าก็ค่อนข้างสมเหตุผล

แต่เมื่อพิจารณาถึงเนื้อสัมผัสที่มีความกึ่งเจล-กึ่งเซรั่มที่ค่อนข้างมีความเข้มข้น ทำให้แรงดูของหัวดรอปเปอร์นั้นดูดได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่วนตัวมองว่าถ้าปรับเป็นขวดปั๊ม หรือขวด airless pump น่าจะใช้งานได้สะดวกกว่านี้ฮะ



เอาหละหลังจากที่จบประเด็นที่เราไม่ค่อยปลื้มกันไปแล้ว หลังจากนี้จะเป็นสิ่งที่เราแฮปปี้กับแอมพูลขวดนี้แบบสุดๆ อย่าง Active Ingredients กันบ้าง โดยทางแบรนด์เลือกใช้ส่วนผสมที่ค่อนข้างน่าสนใจและหลากหลาย อาทิ
  • Neuromide : คือสารที่จัดอยู่ในกลุ่ม Post-Biotics ซึ่งทางแบรนด์เคลมว่าช่วยส่งเสริมให้ Pre-Biotics และ Pro-Biotics ทำงานได้ดีขึ้น แถมยังออกตัวแรงว่าเหมาะกับผิวที่ค่อนไปทางแห้งและผิว Sensitive
  • Tri-Biotics : หรือหากแจกแจงออกมาก็คือ Pre/Pro และ Post-Biotics ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ Probiotics เป็นแบคทีเรียที่มีส่วนช่วยให้ผิวมีความสมดุลและแข็งแรงมากขึ้น ส่วน Prebiotics คืออาหารของเจ้าแบคทีเรียอย่าง Probiotics ที่ทำให้มันสามารถต่อกรกับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาทำร้ายผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนน้องใหม่อย่าง Postbiotics ทางแบรนด์ให้คำจำกัดความว่าตัวที่ Metabolite ของ Microbiome นั่นเองฮะ
  • Centella Asiatica : สารสกัดที่ได้จากใบบัวบก ซึ่งผู้ผลิตเคลมว่าสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type I และ III ช่วยลดริ้วรอยและให้ผิวกระชับขึ้น ลดการอักเสบของผิว รวมถึงลดการเกิดเม็ดสีเมลานินซึ่งทำให้ผิวคล้ำ ด้วยการลดการอักเสบของผิวที่เกิดจากแสง UV ได้อีกด้วย
  • Adenosine : ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการทำงานของ Cell ผิวเมื่ออายุมากขึ้นปริมาณของ Adenosine ของผิวจะลดต่ำลง ทำให้ผิวเกิดริ้วรอย (aging) และชราลง ดังนั้นการเพิ่ม Adenosine แก่ผิวเป็นเหมือนพลังงานให้ผิวสามารถซ่อมแซมตัวเองได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพนั่นเองฮะ

นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมที่น่าสนใจอีกเพียบไม่ว่าจะเป็น Aquatide, Panthenol หรือ Niacinamide ที่เข้ามาเสริมในเรื่องความชุ่มชื้น ความกระจ่างใส และเพิ่มความแข็งแรงของชั้นผิวที่ทาง Dr.Raymond Laboratories INC. มีความโดดเด่นอย่างไม่มีข้อกังขาในจุดนี้


มาต่อกันที่ Texture (เนื้อสัมผัส) ต้องบอกว่าใครที่เห็นว่าเป็น Ampoule แล้วจะคาดคิดว่าเนื้อจะต้องใสๆ เหลวๆ คุณคิดผิดถนัดเลยหละ เพราะเนื้อสัมผัสของเจ้าแอมพูลตัวนี้เป็นสีขาวขุ่น และมีความเข้มข้นอยู่พอตัวเลยทีเดียวหละ และแน่นอนว่าสามารถมอบความชุ่มชื้นในระดับที่เป็น Main Serum ได้ในบางคนเลยหละครับ แต่ทั้งนี้ก็ควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีสาร Occlusive ที่ช่วยล็อคความชุ่มชื้นไว้บนผิวอีกซักชั้นนึงนะขอรับ



ปิดท้ายด้วยภาพการ Absorb หรือความสามารถในการซึมเข้าสู่ผิว ซึ่งถึงแม้เนื้อแอมพูลจะค่อนข้างเข้มข้นแต่เมื่อเบลนด์ลงบนผิวเราพบว่า..สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้รวดเร็วและไม่ทิ้งความรู้สึกเหนอะ ให้รำคาญผิวเลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญคือไม่รบกวนการเลเยอร์ผลิตภัณฑ์อื่นๆ นับว่าดีไซน์ออกมาได้ค่อนข้างดีทีเดียวหละฮะ

โดยรวมเมื่อพิจารณาทั้งในแง่ของส่วนผสมที่ล้ำสมัย มีความโดดเด่นจากแบรนด์อื่น รวมถึงมีงานวิจัยรองรับของสารแต่ละตัวทำให้เราค่อนข้างมั่นใจว่าคาดหวังผลในเรื่องความชุ่มชื้นและการเสริมความแข็งแรงของผิวได้เป็นอย่างดี แถมยังทำราคาออกมาได้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เออ..หมายถึงต่อกระเป๋าสตางค์ของเราหนะ เพราะงั้นเราจึงถือว่า CURECODE Neuromide Ampoule คือแอมพูลอีกหนึ่งตัวที่ควรค่าแก่การมีติดบ้างไว้ให้อุ่นใจขอรับ

สำหรับคำถามว่าใช้แล้วจะแพ้ไหม อุดตันหรือไม่เราไม่สามารถให้คำตอบได้เนื่องจากปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาการแพ้-ระคายเคือง เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลดังนั้นเราแนะนำว่าก่อนจะลองผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตามให้ทดสอบอาการแพ้/ระคายเคือง ที่บริเวณท้องแขนหรือลำคอก่อนใช้ลงบนใบหน้านะครับ

  • Share:

You Might Also Like

1 ความคิดเห็น