Paula's Choice Peptide Booster : Anti-Aging บูสเตอร์บ้าพลังด้วยเปปไทด์กว่า 8 ชนิด!!

By Bro Sis ติดรีวิว - มีนาคม 02, 2563

Paula's Choice Peptide Booster : Anti-Aging บูสเตอร์บ้าพลังด้วยเปปไทด์กว่า 8 ชนิด!!

Paula's Choice Peptide Booster
หากเป็นสายสกินแคร์แล้วหละก็แบรนด์นึงที่เราเชื่อว่า หลายคนคงเคยได้ยินได้ฟังรีวิวอย่างล้มหลามนั่นคือ Paula's Choice ซึ่งแน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ที่เป็น Best Seller ตลอดกาลอย่าง BHA Lotion และ Niacinamide Booster นั้นเราคงไม่ต้องพูดกันให้มากความเรียกว่าทั้ง 2 ไอเทมนี้ต่างก็เป็นไอเทมคู่กายของใครหลายๆ คนอยู่แล้ว

วันนี้เราเลยจะขอหยิบผลิตภัณฑ์อีกตัวที่น่าสนใจไม่แพ้กันอย่าง Paula's Choice Peptide Booster ซึ่งจากคำเคลมนั้นถือว่าเป็น 1 ในเปปไทด์บูสเตอร์ที่เข้มข้นในอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ แต่มันจะเด็ดจริงอย่างที่เคลมไหม เอาเป็นว่าเรามาล้วงแคะแกะเกาบูสเตอร์ขวดนี้กันซักหน่อยดีกว่าฮะ...

The Claim

Paula's Choice Peptide Booster
Paula's Choice Peptide Booster(20ml./2,100.-) : เผยผิวกระชับขึ้นด้วย 8 เปปไทด์ที่มีประสิทธิภาพช่วยลดเลือนริ้วรอยให้ผิวแข็งแรงขึ้น เปปไทด์แต่ละตัวช่วยจัดการปัญหาได้ตรงจุด เช่น ผิวหย่อนคล้อย, ผิวไม่เรียบเนียน, ริ้วรอย และสีผิวไม่สม่ำเสมอ เนื้อเบา…ซึมสู่ผิวทันที ใช้เดี่ยวๆ หรือใช้ผสมกับเซรั่ม หรือครีมบำรุงก็ได้

Texture / Scent / Packaging

Paula's Choice Peptide Booster
  • Texture : เนื้อผลิตภัณฑ์ในรูปแบบ Liquid บางเบา ซึมเข้าสู่ผิวได้ค่อนข้างไว เรียกว่าทำได้ตามคำเคลมของป้าเป๊ะ!
  • Scent : ตามสไตล์ของป้า Paula บูสเตอร์ขวดนี้จึงไม่มีส่วนผสมของ Fragrance Component จากที่เราลองดมก็แทบจะไม่มีกลิ่นเลย ซึ่งถือว่าเป็นอีกเรื่องที่เราเลิฟมากทีเดียวหละ
  • Packaging : บรรจุภัณฑ์มาในขวดแกวแบบดรอปเปอร์ ถึงแม้จะดูสวยงามน่าใช้ แต่เราแอบหวังใจหว่าถ้าเปลี่ยนเป็นขวดแบบ Airless-Pump น่าจะใช้งานได้สะดวกกว่านี้ขอรับ

Key Ingredients

  • 8 Types of Peptide : ประกอบไปด้วย Tripeptide-1, Palmitoyl Tripeptide-1, Palmitoyl Tetrapeptide-7, Palmitoyl Hexapeptide-12, Myristoyl Hexapeptide-16, Myristoyl Pentapeptide-17, Hexanoyl Dipeptide-3 Norleucine Acetate และ Azelaoyl Bis-Dipeptide-10 เรียกว่าเป็นบูสเตอร์ที่อัดเปปไทด์มามากเป็นลำดับต้นๆ ในท้องตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่ง เปปไทด์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อผิวเรามาก และสามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆของผิวได้อย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นผิวมีริ้วรอย, ผิวหย่อนคล้อย, ผิวหมองคล้ำ, ผิวขาดน้ำ และช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้น ชุ่มชื้นขึ้น อ่อนนุ่มและเรียบเนียนขึ้น
  • Adenosine : เป็นส่วนสำคัญของการทำงานของ Cell ผิว เมื่ออายุมากขึ้น ปริมาณของ Adenosine ของผิวจะลดต่ำลง ทำให้ผิวเกิดริ้วรอย (aging) และชราลง การให้ Adenosine แก่ผิว เป็นเหมือนพลังงานให้ผิวสามารถซ่อมแซมตัวเองได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
  • Yeast (Faex) Extract : เป็นสารสกัดจากยีสต์สายพันธ์ Saccharomyces Cerevisiae อุดมไปด้วยวิตามินB และกรดอะมิโนจำเป็นมากมายที่เป็น Tissue Respiratory Factors(TRF) สามารถกระตุ้น Cellular Respiration(กระบวนการหายใจของเซลล์) ทำให้เซลล์ผิวที่อ่อนล้าจากมลภาวะกลับมามีการเผาผลาญที่สูงขึ้น มีพลังงานและชีวิตชีวามากขึ้นจากการสร้างพลังงาน ATP ที่มากขึ้น นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังเคลมถึงการกระตุ้นการสร้างสารกลุ่ม Glycosaminoglycans หรือ GAGs ด้วย หนึ่งในสารกลุ่มนี้ที่เรารู้จักกันดีก็คือไฮยาลูโรนิคแอซิดซึ่งช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและอิ่มฟูนั่นเองฮะ
  • Panax Ginseng Root Extract : สารสกัดจากโสม ทางผู้ผลิตเคลมว่า สามารถช่วยปรับสภาพผิวให้เต่งตึง แลดูอ่อนกว่าวัย และช่วยทำให้ผิวอ่อนนุ่ม ชุ่มชื้น พร้อมป้องกันการเหี่ยวย่น แถมยังช่วยชะลอริ้วรอย อีกทั้งยังกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของโลหิตใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวสวยเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ

Conclusion

Paula's Choice Peptide Booster
หากให้เรามองจากส่วนผสม และจากที่เราได้ลองใช้ Paula's Choice Peptide Booster มาซักระยะ เราขอสรุปให้เพื่อนๆ เข้าใจเป็นข้อๆ ดังนี้ฮะ :
  • Anti-Aging : ถ้าวิเคราะห์จากส่วนผสมอย่าง Peptide และสารสกัดอื่นๆ ที่อัดเข้ามาอย่างเต็มสูบแล้วหละก็ เรียกว่ามี Potential เพียงพอที่จะเป็น Anti-Aging Booster ที่ดีตัวนึงได้เลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม และใช้ระยะเวลา 3-6 เดือนขึ้นไปเน้อ
  • ความกระจ่างใส : ความกระจ่างใสที่ได้จาบูสเตอร์ขวดนี้ผลลัพธ์ในแง่ของโครงสร้างผิวที่แข็งแรงขึ้น ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ทำให้เมื่อแสงตกกระทบบนผิวเกิดการสะท้อนออกไปที่สม่ำเสมอมากขึ้นครับ แต่ถ้าคาดหวังในแง่การลดรอยแดง/รอยดำ ส่วนตัวแล้วเราว่าตัวอื่นน่าสนใจกว่าฮะ
  • ความชุ่มชื้น : ด้วยความที่เนื้อผลิตภัณฑ์ค่อยข้างบางเบา ซึมไว อีกทั้งปริมาณที่ใช้ในแต่ละครั้งก้ไม่ได้มากมายอะไร ดังนั้นเราแนะนำให้ทา Moisturizer ตัวอื่นควบคู่ไปด้วยจะดีกว่าครับ
สุดท้ายในแง่ของความคุ้มค่าน่าลงทุน เราขอตอบแบบนี้ก็แล้วกันว่า เจ้าบูสเตอร์ขวดนี้เป็นส่วนเสริมเพื่อเสริมประสิทธิภาพเซรั่ม หรือมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เรามีอยู่ โดยการหยดผสมซัก 3-4 หยด ต่อการใช้ 1 ครั้ง ซึ่งถ้าเทียบราคาต่อปริมาณแล้วก็นับว่าค่าตัวน้องคนนี้ไม่ใช่เล่นๆ เลยทีเดียว 

และแน่นอนว่าในแง่การเป็น Anti-Aging และ Brightening คงสู้ Vitamin A และ C ไม่ได้(เมื่อประเมินจากข้อมูลงานวิจัยที่มีอย่างยาวนานของทั้ง Vitamin A และ C) ดังนั้นเราจึงแนะนำว่าถ้าเพื่อนๆ อยากได้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่องการลดริ้วรอยแบบจริงจังเราแนะนำให้ใช้ Paula's Choice : 1% Retinol Booster หรือ C15 Super Booster น่าจะคุ้มค่ากว่าฮะ

  • Share:

You Might Also Like

0 ความคิดเห็น