Dr.Rath Perfect Skin Serum All in One Facial Treatment เสริมชั้นผิวให้แข็งแรง พร้อมรับมือทุกสถานการณ์

By Bro Sis ติดรีวิว - พฤศจิกายน 23, 2563

Dr.Rath Perfect Skin Serum All in One Facial Treatment เสริมชั้นผิวให้แข็งแรง พร้อมรับมือทุกสถานการณ์


ในยุคที่เราต้องรับมือกับสารพัดปัญหาไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ มลภาวะ ฝุ่นควัน ความเครียดและปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่พร้อมจะทำร้ายผิวเราได้ทุกเมื่อ ดังนั้นสิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดคือการปกป้องผิวของเรา และเสริมความแข็งแรงของผิว ให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์อยู่เสมอ วันนี้เราเลยหยิบ Dr.Rath Perfect Skin Serum All in One Facial Treatment ที่เราได้ลองใช้มาซักระยะแล้วเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวในทางที่ดีขึ้น เลยนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลยฮะ...

Dr.Rath Perfect Skin Serum All in One Facial Treatment (35ml./1,990.-)


ปรนนิบัติผิวล้ำลึกระดับโมเลกุลด้วย Astaxanthin, Hyaluronic Acid โมเลกุลเล็กและ Phospholipids ย้อนวัยผิว ลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย ภายใน 2 สัปดาห์

Texture / Scent / Packaging


  • Texture : เซรั่มขวดนี้มาในสีส้มที่จัดจ้านน่าใช้ทีเดียว เนื้อสัมผัสค่อนข้างเข้มข้น แต่เมื่อเบลนด์เข้าผิวแล้วกลับบางเบา เหมาะกับผิวคนไทยและสภาพอากาศที่ร้อนของบ้านเราแบบสุดๆ
  • Scent : กลิ่นหอมอ่อนๆ โทน Citrus ซึ่งจากที่เราลองใช้มาก็ไม่พบอาการระคายเคืองน้ำหอมแต่อย่างใด
  • Packaging : บรรจุภัณฑ์เป็นขวดแก้วสีชาพร้อมหัวดรอปเปอร์ ต้องยอมรับว่าเป็น Design ที่ค่อนข้างถูกจริตสำหรับเรา เป็นอะไรที่เรียบๆ ดูดี แต่หากเป็นไปได้เรามองว่าปรับเป็นแบบ Airless Pump จะใช้ง่ายได้สะดวก และรักษาความสะอาดได้ดียิ่งขึ้นครับ

Key Ingredients


  • Astaxanthin : เป็นสารกลุ่ม Carotenoids (แคโรทีนอยด์) จัดเป็นกลุ่ม Antioxidant(สารต้านอนุมูลอิสระ) ที่มีรายว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติในกลุ่มเดียวกันอย่างเบต้าแคโรทีน, ไลโคปีน และลูทีน ประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มนี้ คือ ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ได้เป็นอย่างดี
  • Hyaluronic Acid : ที่ทางแบรนด์เรียกว่า "o-HA" ย่อมาจาก Hyaluronan oligosaccharides สำหรับการใช้ทาบนผิวหนัง เพื่อให้ซึมลงใต้ชั้นผิวได้ดีขึ้น มีคุณสมบัติในการช่วยให้ผิวหนังสามารถเก็บกักความชุ่มชื่นได้มากกว่าปกติหลายเท่า (โดยที่ไม่เพิ่มความมันแบบที่ไม่ดี sebum บนผิวชั้นนอก) เมื่อผิวมีความชุ่มชื่นที่ดีเพียงพอ ผิวหน้าก็จะดูอ่อนกว่าเยาว์ ดูเนียนเรียบขึ้น ริ้วรอยลดลง มีความยืดหยุ่น  นุ่มนวลและดูมีชีวิตชีวามากขึ้นนั่นเอง
  • Phospholipids : ทำหน้าที่เป็น natural emulsifier สามารถให้ความชุ่มชื้นผิว ลดการระคายเคืองผิวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีความสำคัญมากต่อการทำงานของเซลล์ เพราะเป็นด่านแรกที่จะป้องกันเซลล์จากสภาพแวดล้อมภายนอกและยังเป็นตัวกลางที่จะมีการสื่อสารระหว่างภายในและภายนอกเซลล์ เพื่อให้สารออกฤิทธิ์อื่นๆ ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น

Let's Try...


เราได้ลอง Dr.Rath Perfect Skin Serum All in One Facial Treatment ในช่วงที่กำลังผิวกำลังพังได้ที่ มีทั้งสิวอักเสบ ผิวเสียสมดุล รูขุมขนที่กว้างซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากสมดุลของผิวที่สูญเสียไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจากที่ได้ลองมาประมาณ 2 วีคพบว่า...


ความแข็งแรงของผิวโดยรวมเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าสนใจ ส่งผลให้ผิวละเอียดขึ้นและรูขุมขนดูกระชับขึ้นเล็กน้อย ซึ่งความว่าน่าจะมาจาก "o-HA" ที่ทางแบรนด์ใส่เข้ามา นอกจากนี้สิวอักเสบก็เริ่มยุบตัวลงอย่างช้าๆ แถมความแดงบริเวณที่กำลังอักเสบดูทุเลาลงมากทีเดียว ในแง่ของความชุ่มชื้นเรามองว่าเซรั่มขวดนี้ให้ความชุ่มชื้นได้ในระดับน้อย-ปานกลาง ซึ่งพอตามด้วยกันแดดแล้ว สำหรับคนผิวมันน่าจะเพียงพอ แต่สำหรับผิวผสม-แห้ง เราว่ายังไงก็ควรต้องมี Moisturizer เพิ่มอีกซัก 1 ตัวนะครับ

Conclusion


เอาหละเพื่อนๆ ก็น่าจะได้เห็นเนื้อสัมผัส ส่วนผสม และผลลัพธ์ของ Dr.Rath Perfect Skin Serum All in One Facial Treatment บนผิวของบูมมาพอสมควรแล้ว ซึ่งหากให้เราสรุปเรามองว่านี่เป็นเซรั่มอีกขวดที่อัดแน่นไปด้วยสาร Antioxidant ที่ดีช่วยในแง่ของการชะลอการเกิดริ้วรอย และช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ดี

แถมยังมีส่วนผสมอย่าง o-HA และ Phospholipids ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยให้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งในจุดนี้เรามองว่าก็ต้องใช้เวลาพอสมควร โดยเฉพาะในคนที่โครงสร้างผิวมีปัญหามากเป็นพิเศษ ก็ต้องให้เวลาเค้าอย่างน้อย 2-3 เดือนในการฟื้นฟูสภาพให้กลับมาแข็งแรงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขอรับ

อ๋อ! ในระหว่างที่เราเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมทาง www.drrath.co  ก็พบว่าทางแบรนด์มีผลิตภัณฑ์อีก 2 ตัวที่น่าสนใจอย่าง Dr. RATH Radiance Essence Ex และ Dr. RATH Supercharged Whitening Concentrate ซึ่งเราเองยังไม่มีโอกาสได้ลอง แต่คิดว่า Concept และส่วนผสมที่เห็นค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวแหละฮะ

แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ Based-on สภาพผิว ไลฟ์สไตล์ การดูแลตัวเอง และผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ร่วมกันเป็นหลัก ดังนั้นผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ส่วนสำถามที่ว่าใช้แล้วจะแพ้ไหม จะอุดตันไหม สิวจะขึ้นหรือไม่นั้น เราไม่สามารถให้คำตอบได้เนื่องจากปัจจัยที่ก่อให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง และก่อให้เกิดสิวของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ดังนั้นเราแนะนำว่าก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตาม ควรทดสอบอาการแพ้ที่บริเวณท้องแขน และลำคอก่อใช้ลงบนใบหน้านะขอรับ

  • Share:

You Might Also Like

0 ความคิดเห็น